BIZ-010: ผลกระทบในวงกว้างจากโครงการ "รถคันแรก" เริ่มสำแดงเดช @ 30 เมษายน 2556

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมหายไปนานสำหรับการเขียนบทความในพื้นที่นี้ ตลอดเวลาที่ได้อ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ฝ่ายบริหารเข้าปีที่ 2 แล้ว ผมยังคงได้รับความรู้ ได้เรียนรู้ ได้รับโอกาสต่างๆ จากข้อมูลในหนังสือพิมพ์ตลอดเวลา และระลึกถึงความอนุเคราะห์จากทางกรุงเทพธุรกิจทุกครั้งที่อ่านนะครับ สำหรับบทความนี้ผมอยากเขียนถึงผลกระทบในวงกว้างจากโครงการ "รถคันแรก" ที่กำลังสำแดงเดชออกมาแล้ว โดยผมนำข้อมูลที่อ่านแล้วสะกิด ให้ผมนำมาลงแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ

ต้องท้าวความเสียเล็กน้อยเพื่อให้เห็นภาพนะครับ อยากให้เพื่อนๆ ลองจินตนาการดูว่า จริงๆ แล้วอาจจะใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถ และประเทศก็ต้องมีระบบคมนาคมพื้นฐานให้ประชาชนได้ใช้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ส่งผลทำให้รายจ่ายต่อครัวเรือนในเรื่องการเดินทางไม่กลายเป็นต้นทุนชีวิตสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ หรือหมุนเงินติ้วๆ เดือนชนเดือน เอาตัวรอดกันไปวันๆ แล้ววอยู่มาวันหนึ่ง รัฐก็เอาเงินคืนภาษี เมื่อคุณออกรถคันแรกในชีวิตมาล่อเป้า ที่สำคัญ ส่วนตัวผมว่า hit target เสียด้วย เพราะมีออเดอร์จองรถมากกว่า 1 ล้านคัน ไม่ต้องไปนึกเลยว่ารัฐจะต้องนำเงินภาษีที่สามารถไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ได้มากมายเพียงใด

หากมองในแง่ดี ก็อาจจะมองได้ว่า ทำให้บรรดาค่ายรถต่างๆ ยังเห็นทิศทางในการลงทุนในประเทศไทย จึงไม่ย้ายฐานการผลิตหนีไปประเทศอื่นในอาเซียน แต่ในมุมมองส่วนตัวผมมองว่า ปัจจัยพื้นฐานของเรายังอยู่ในเกณฑ์ดี ค่ายรถไม่น่าจะย้ายฐานการผลิต ผมมองไปถึงเป็นการสร้างภาพลวงตาของการกระตุ้นเศรษฐกิจแทน แม้ไม่มีน้ำท่วม ก็คงจะทำโครงการนี้

คราวนี้เราลองมาคิดคูณเลขธรรมดา 1 ล้านคัน น่าจะมีคนซื้อเงินสดไม่ทุกคัน ส่วนใหญ่จะผ่อน 4-5 ปี ถ้าสมมติว่าจ่ายรายเดือนระหว่าง 5,000-10,000 บาท หากหาค่าเกณฑ์เฉลี่ย ประมาณการว่าสัก 7,000 บาทก็ได้นะครับ หมายความว่า จะมีเงินเดือนละ 7,000 ล้านบาท ปีละ 84,000 ล้านบาทไปลงอยู่ในค่างวดรถ แน่นอนเลยว่าเงินก้อนนี้ จะไม่ไปกระจายอยู่ในธุรกิจต่างๆ ยังไม่นับค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน ค่าธุรกิจต่อเนื่องจากรถ ผมคิดว่า โครงการ "รถคันแรก" ดูดเงินที่ควรกระจายไปยังธุรกิจอื่นมากกว่า 200,000 แสนล้านบาทต่อปี และจะเป็นแบบนี้ตลอด 4-5 ปีข้างหน้า คือคนก็คงซื้อรถอยู่แล้วทุกปีเป็นแสนคัน เพียงแต่มันมากเกินไปเท่านั้นเองครับ

ผมเคยคุยกับน้องคนหนึ่งที่รู้จักกัน และทราบว่าเขาก็ซื้อรถคันแรกด้วย ทั้งๆ ที่เขาก็เดินทางไปทำงานด้วยระบบขนส่งสาธาณะสะดวก แต่คำตอบคือ อยากได้ภาษีคืน ซื้อรถมาอาจจะไม่ได้ขับ เวลาไปไหนไกลๆ จึงค่อยใช้รถ เปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่เคยใช้รถ TAXI ผมก็ถึงกับอึ้งๆ ว่า ตัวโครงการส่งผลพอสมควร

ผมนำข่าวผลกระทบ 2 ข่าวมาแบ่งปันนะครับ ข่าวแรกเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2556 "เครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าร้อนทรุด รถคันแรกดึงกำลังซื้อ" ที่กำลังซื้อไปจ่ายในรถคันแรกทุกเดือน ดังนั้นจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องประหยัด หรือตัดใจไม่ซื้อไปทั้งหมด เคยไปกินร้านอาหารเดือนละครั้งพร้อมหน้าครอบครัว ประมาณเดือนละ 1 พันกว่าบาท ก็งดไปก่อน จะซื้อสิ่งของประจำเดือนที่เคยซื้อ ก็ต้องอดใจไว้ พยายามผ่อนงวดรถให้ตรงก่อน

ที่สำคัญหากพลาดก็จะส่งผลถึง เครดิตบูโร ที่ไม่ได้เผื่อในบางเดือนที่มีรายจ่ายไม่คาดคิดขึ้นมาได้ เช่น อาจจะเรื่องเจ็บป่วย หรือที่ผมเคยมีประสบการณ์ตรงเลย คือ ผู้ช่วยของผมขอเบิกเงิน 5,000 บาท ที่นอกเหนือจากเงินเดือน แบบเร่งด่วน เพราะน้องชายของเขาโดนตำรวจเรียกเงิน 5,000 บาท ข้อหาเสพยาบ้า เป็นต้น หากมีสถานกรณ์แบบนี้ คนที่ผ่อนรถคันแรกอยู่ คงต้องมีปัญหาในการผ่อนค่างวดรถเป็นแน่แท้ อาจอ่านจากข่าว "ลูกค้าอสังหาฯ ส่อกู้ไม่ผ่าน 10% หลังรถคันแรกทำสินเชื่อครัวเรือนพุ่ง" ของวันที่ 18 เมษายน 2556 ได้ครับ โดยผมสแกนไว้ให้เรียบร้อยครับ



คิดเห็นอย่างไร แตกต่าง ใกล้เคียง ก็มาแบ่งปัน ร่วมกันได้นะครับ

ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น