Biz-007 : "กาแฟ" กับ "นมสด" ความเหมือนที่แตกต่าง

สวัสดีครับเพื่อนๆ บทความนี้อาจจะแปลกสักหน่อย ที่จะเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า เคยเล่นเกม "จับคู่เหมือน" หรือไม่ ซึ่งเป็นเกมง่ายๆ เช่น เวลาไปอบรมแล้วรวมกลุ่มกันสัก 5-7 คน ให้คนในกลุ่มค้นหาว่า มีเรื่องใด สิ่งใด ที่คนทั้งหมดในกลุ่มนั้นเหมือนกัน ถ้าจะว่ากันง่ายๆ ก็ยกตัวอย่างเช่น *เป็นคนไทยเหมือนกัน *มีลูกแล้วทุกคน *ใส่แว่นเหมือนกัน *มีรถส่วนตัวทุกคน *เคยรับราชการทุกคน *เกษียนทุกคน *ชอบอาหารไทยทุกคน เป็นต้น นะครับ และยังมีอีกมากมาย ที่จะคิดว่าเรามีความเหมือน หรือความชอบ ที่เหมือนกัน บางทีเกมนี้อาจจะทำให้เกิดการปรองดอง ก็ได้นะครับ 5555

เมื่อผมได้อ่านคอลัมน์ Supermercado หัวเรื่อง "กาแฟ มากกว่าแค่เครื่องดื่ม" ของคุณพิริยาพรรณ ไทยสุริโย ก็ได้รับข้อมูลสำคัญๆ หลายประเด็น อยากให้เพื่อนๆ ลองอ่านดูนะครับ แต่มีอยู่ข้อมูลหนึ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือ คนไทยดื่มกาแฟเพียง 130-150 ถ้วยต่อคนต่อปี ซึ่งในบทความระบุว่ายังน้อย นับเป็นเพียง 0.5 กก./ปี เพราะคนไทยดื่มกาแฟเพียง 30% ของประชากรของประเทศ

แต่หากเพื่อนๆ ลองอ่านบทความข่าวที่ลิงก์นี้ ที่เกี่ยวกับข้อมูลการดื่มนมในประเทศไทย (หรือเข้าเว็บกรุงเทพธุรกิจ แล้วเสริจ์คำว่า "ดื่มนม" หาข่าวหัวข้อ "1 มิถุนา..วันดื่มนมโลก - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์") ซึ่งมีข้อมูลสำคัญว่า "ประเทศไทยผลิตน้ำนมดิบได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่คนไทยกลับดื่มนมประมาณ 14.19 ลิตร ต่อคนต่อปี ขณะที่อัตราการดื่มนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และของทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตร ต่อคนต่อปี" ซึ่งนั่นหมายความว่า คนไทยเฉลี่ยดื่มนมสดเพียงสัปดาห์ละ 1 แก้วเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการดื่มกาแฟแล้ว ยิ่งน้อยเข้าไปกันใหญ่


ความเหมือนที่แตกต่าง ของกาแฟ กับนมสด ชัดเจนมากๆ นะครับ สำหรับความเหมือนนั้น เพื่อนๆ ลองเหมือนการเล่นเกมในช่วงย่อหน้าแรกที่ผมแนะนำก็ได้นะครับ แต่ผมคิดว่า ความต่างสำคัญมากกว่า โดยเฉพาะด้านการตลาด เราเห็นร้านกาแฟ ขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่กลับไม่มีร้านนมสด เหมือนที่ผมเคยเห็นในสมัยผมเรียน มากกว่า 20 ปีที่แล้ว ที่จะมีร้านรถเข็น นมสด-ขนมปังสังขยา หากินง่าย

ปัจจุบันผมหยุดดื่มนมสดเช่นกัน สาเหตุเพราะว่า เวลาดื่มแล้วผมจะมีอาการลักษณะถ่ายท้อง และจะทำให้ตัวเองไม่มั่นใจเมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เป็นผลพ่วงจากความพิการที่ผมเป็นอยู่ แต่ในอดีตตอนที่ผมเป็นคนปกตินั้น ในวัยเรียนผมจะดื่มนมวันละ 2-3 ถุง ตอนที่ทำงานจะดื่มนมสดเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4-5 ลิตร หรือ 15-20 แก้วต่อสัปดาห์ หรือ มากกว่า 200 ลิตรต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก

มาถึงตรงนี้แล้วก่อนจบบทความ ผมอยากที่จะแบ่งปันความคิดแบบรอบด้านว่า ประเทศไทยกำลังสูญเสียหลายเรื่อง โดยเฉพาะกับเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอ่านหนังสือน้อยมาก การศึกษาที่เราสู้เพื่อนบ้านในอาเซียนไม่ได้ การดื่มนมสดน้อยมาก การที่มียาเสพติดระบาดในเยาวชนมาก การที่มีเยาวชนหญิงต้องท้องในวัยเรียนมากติดอันดับโลก เป็นต้น ไม่นับเรื่องของผู้ใหญ่ เช่น การเมืองที่แตกแยก การที่ประเทศไทยไม่มี 3G ซักกะที จนต่างประเทศเขาใช้ 4G กันแล้ว การดื่มสุรา การทุจริต-คอรัปชั่น ความรุนแรงต่อเพศหญิง การเล่นการพนัน เป็นต้น เหล่านี้ทำให้อีกไม่นานเราคงจะสู้เพื่อนบ้านที่ว่าล้าหลังกว่าเราไม่ได้ ในอีกไม่นาน เพราะว่าผมฟังมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ

ว่าเราเคยเจริญกว่าญี่ปุ่น เราเคยสูสีกับไต้หวัน เมื่อก่อนเราก็ว่าเกาหลีก๊อบปี้เทคโนโลยีคนอื่น ตอนนี้เราถูกเปรียบเทียบกับเวียดนาม ซึ่งผมอยากบอกว่า เราอาจจะสู้เวียดนามไม่ได้ในอนาคต เรื่องอื่นผมไม่ทราบ เท่าที่ผมทราบในเรื่องของการศึกษา ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมนั้นก็คงเป็นไปตามข่าวสารที่ว่ามีคนไปลงทุนมาก ใกล้บ้านเรา ประเทศลาวก็มีระบบสื่อสารที่ดีกว่าเราไปแล้ว ยิ่งมอง ยิ่งเห็น ก็ยิ่งมาก บทความนี้เป็นเรื่องกาแฟ กับนมสด นะครับ ผมคิดว่าเอาแค่เรื่องง่ายๆ ขอให้คนไทยมาช่วยกันคิดดีกว่าครับว่า ทำอย่างไรถึงจะทำให้คนไทยกินนมมากกว่ากาแฟ ดีครับ ไม่ต้องถึงกับมาตรฐานเฉลี่ยทั่วโลกก็ได้ เกษตรกรที่ผลิตนมดิบ จะได้ไม่ต้องเอานมดิบมาเทประท้วงตามข่าวที่เราได้ดู ได้ฟัง มาเมื่อเร็วๆ นี้ครับ

ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น